วันที่: 20-12-2013
ความเป็นมาของมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในช่วงเวลาที่โลกมีความขัดแย้งทาง อุดมการณ์การเมืองระหว่างเสรีประชาธิปไตย และสังคม นิยมคอมมิวนิสต์ เป็นผล กระทบให้ประเทศไทยมีปัญหา ความไม่สงบอันเนื่องมาจากความยากจน ของประชาชนในท้องถิ่น และมีกลุ่มบุคคล ที่มีความ คิดทางการเมืองในระบบสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภายนอก ประเทศ เข้ามาทำสงคราม แย่งชิง ประชาชนในจุดต่าง ๆ ของ ประเทศ ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาล ในสมัยนั้นจัดให้มีการปราบปราม จึงมีการสู้รบกันขึ้นในหลายแห่ง ตามชายแดนของประเทศ ทำให้เกิดการสูญเสีย ชีวิต การบาดเจ็บ พิการ และความเดือดร้อน กระทบถึงราษฎร โดยทั่ว ๆ ไป อีกเป็นจำนวนมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ทรงห่วงใยในความทุกข์ ของราษฎรของพระองค์ผู้เสียสละชีพเพื่อป้องกัน ประเทศชาติ ผู้ต้องกลายมาเป็นผู้บาดเจ็บ ทุพพล ภาพ จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นเดิม พ่อแม่ ต้องสูญเสียบุตรชาย ภรรยาต้องสูญเสียสามี ผู้นำของครอบครัว ครอบครัวต้องสูญเสียญาติพี่ น้อง อันเป็นผลจากการสู้รบ ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้เสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยม ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยทรงตระหนักถึง ความ ทุกข์ความยาก ลำบาก และภาระกิจอันหนักหน่วง ของ ผู้อยู่ในแนวหน้า และในขณะเดียวกันก็ได้ ทรงเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่ ครอบครัว ผู้เสียสละเหล่านี้ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระ เจ้าลูกเธอ ในงานพระราชทานเพลิงศพวีรชน ได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามชีวิตความเป็นอยู่ ยังความสำนึกและปิติในพระมหากรุณาธิคุณ แก่เหล่าราษฎรทั้งหลาย เป็นล้นพ้น นอกจากนั้น ยังได้ทรงมีพระราชปรารภถึงผู้ที่อยู่ในเมืองว่า ควรสำนึกถึงความเสียสละอันใหญ่หลวงนี้ให้มาก บางคราวบุคคลเหล่านี้ต่อสู้จนร่างกายพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนเดิม ประเทศชาตินั้นเปรียบเสมือน ครอบครัวใหญ่ บุคคลในชาติ ควรมีความรัก สามัคคี และเห็นอกเห็นใจกัน เมื่อญาติพี่น้องส่วนหนึ่งทำหน้าที่ป้องกัน ประเทศชาติ ด้วยความกล้าหาญ จนต้องประสบชะตากรรมที่น่าสงสารเช่นนี้แล้ว พี่น้องส่วนหนึ่งควรเห็นอกเห็นใจ ร่วมทุกข์ช่วยเหลือเกื้อกูลเขาเหล่านั้น
ผู้ที่ได้รับผลถึงบาดเจ็บ พิการนั้น โดยมากจะมีอายุระหว่าง 20-30 ปี บาง คนก็ต่ำกว่า 20ปี ซึ่งเขาเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอีกนาน พี่น้องคนไทยทั้งหลาย ควรจะได้ช่วยกันดูแลผู้พิการตลอดจนครอบครัวของเขาเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคง แก่ชีวิตของเขาเหล่านั้น การตอบแทนจากเงินบำเน็จและเงินช่วยเหลือจากทางราชการ ในขณะนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาเป็นเวลานาน อีกทั้งเป็นจำนวนเงินไม่มากนักจึงได้ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของผู้สละชีพเพื่อประเทศชาติ ในทันที ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ
ด้วยน้ำพระทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ห่วงใยในราษฎรของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมี พระราชปรารภถึงระเบียบวิธีการช่วยเพื่อช่วยเหลือผู้เสียสละชีพเพื่อชาติทุกคน นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือที่ได้รับจาก หน่วยราชการต้นสังกัด โดยเฉพาะราษฎรอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต จะไม่มีสิทธิ์ได้รับความ ช่วยเหลือเช่น เพื่อนทหาร ตำรวจ ร่วมสมรภูมิ
สืบเนื่องจากพระราชปณิธานดังกล่าว ในวันที่ 2 เมษายน 2518 อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัครอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกัน ประเทศชาติ จากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาล ทหารผ่านศึก มารับพระราชทานเลี้ยง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมกันนั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญ ผู้มีจิตกุศลเป็นจำนวนมากมาร่วมในงานด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏ ราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ทรงมี พระราชปฏิสันถารกับทหารที่บาดเจ็บ พิการทุกคนอย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานของขวัญแก่ทุกคน และในวันนั้น เองถือเป็นวันก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทย ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งเป็นทุนเริ่มแรก อีกทั้ง พระเจ้าลูกเธอ ทุกพระองค์ และมีผู้มีจิตศรัทธาที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนั้น ก็ได้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลด้วย โดยเฉพาะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้ทรงงดการบำเพ็ญพระราชกุศลอื่น ๆ ที่ได้ทรงเคยปฏิบัติ ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ทรงร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลครั้งนี้ด้วย และได้ทรงปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด จนถึงใน ปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานมูลนิธิ เนื่องจากทรงตระหนักดีว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นผู้มีพระทัยอ่อนโยน ทรงมีพระเมตตาเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของผู้อื่นอยู่เสมอ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิสายใจไทย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากการก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทย ฯ การระดมเงินเพื่อมูลนิธิสายใจไทย ฯ จะได้ ดำเนินการต่อไป จึงเป็นเรื่องที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบ และได้ร่วมความเห็นอกเห็นใจ ให้ความช่วย เหลือผู้เสียสละต่อสู้เพื่อความมั่นคงของประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ได้ทรงมีพระราชดำรัสใน " วันสายใจไทย 2เมษายน 2519" ดังนี้
" 2 เมษายน ของทุกปีถือเป็นวันสายใจไทย ข้าพเจ้าจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย พร้อมใจกันบริจาคสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทย ฯ นี้ โดยส่งเป็นเงินได้ที่มูลนิธิสายใจไทย ฯ" มีผู้มีจิตสำนึกในการช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวร่วมกันจัดงาน "รวมใจเพื่อสายใจไทย " โดยเชิญชวนให้คนไทย ทุกหมู่เหล่าทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพ ฯ มาร่วมจำหน่ายสินค้าจากทั่วประเทศและนำรายได้โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุน มูลนิธิสายใจไทย ฯ"
งานนี้ได้จัดต่อเนื่องมาทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรง ให้การสนับสนุนงานนี้ตลอดมา
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลอื่น ๆ เช่น สมาคม สโมสร กลุ่มนักธุรกิจ พ่อค้า หน่วย งานต่าง ๆ เป็นต้น ได้ร่วมกันจัดงาน หารายได้มาสมทบทุนมูลนิธิ ฯ และประชาชนทั่วทั้งประเทศเป็นจำนวนมาก ได้ส่งเงินมาโดยเสด็จพระราชกุศลต่อเนื่องทุกปีตลอดมา จึงทำให้ มูลนิธิ ฯ สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ในอันที่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ จากการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ ขยายตัวเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับมาจนปัจจุบัน
|
|
|